หลายคนมักพูดว่า “การกระทำสำคัญกว่าคำพูด” แต่บางคนก็มัวแต่กระทำจนละเลยคำพูดอยู่ไม่น้อย
โดยเฉพาะคนในครอบครัวเดียวกัน เมื่อพ่อแม่ก็อยากได้ยินลูกบอกรัก อยากให้ลูกกอด หอม หรือมีแต่คำพูดดี ๆ
ในทางกลับกัน คนเป็นลูกเองก็ไม่ได้มีความต้องการที่แตกต่างจากพ่อแม่เท่าใดนัก ทั้งนี้ นอกจากอวัจนภาษา
เช่น การกอด หอม ฯลฯ ที่ทุกคนรับรู้ว่า เป็นการแสดงออกเพื่อความรักแล้ว วัจนภาษาก็ไม่ควรมองข้ามไปเช่นกัน
พ่อแม่ทุกคนจึงพยายามที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล และพูดแต่สิ่งดี ๆ กับลูก โดยน้อยคนนักที่จะพูดจา ส บ ถกับลูก ซึ่งสิ่งหนึ่งที่
รับรู้ได้ มันคือสัญชาตญาณของคนเป็นพ่อและแม่แน่นอน
ดังนั้น ลองมาดูกันว่า 10 คำพูดดี ๆ ที่ลูกอยากได้ยินจากพ่อแม่นั้นมีอะไรกันบ้าง
1. พ่อกับแม่ “รัก” ลูกมากนะ
แน่นอนว่าลูกคือดวงใจของพ่อแม่ แต่การที่ละเลยคำพูดง่าย ๆ และมีค่าขนาดนี้มันก็เป็นสิ่งผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่พอควร
เพราะคนหลายคนไม่มีโอกาสที่จะบอกรักลูกในวินาทีสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ ในทางกลับกันไม่ว่าจะเป็นลูก หรือ พ่อแม่
รวมไปถึงคนทุกคน ก็ควรให้ความสำคัญกับความรักและคำพูดไปพร้อม ๆ กัน ก่อนที่พ่อแม่จะไม่มีลูกให้บอกรัก
หรือลูกบอกรักในวันที่สายเกินไป ทั้งนี้ อย่ามัวแต่แสดงความรัก และเชื่อว่าลูกรู้อยู่แล้วว่า พ่อแม่รักลูกมากแค่ไหน
เพราะบางเวลาคำพูดก็สำคัญไม่แพ้การกระทำเช่นกัน ดังนั้น บอกรักลูกบ้าง เขาจะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้ว พ่อแม่รักลูกมากแค่ไหน
2. พ่อกับแม่ “ภูมิใจ” ในตัวลูกมากนะ
มันอาจมีบางอย่างที่ลูกทำให้พ่อแม่รู้สึกภูมิใจมากป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความเป็นสุภาพบุรษ มีน้ำใจ
หรือแสดงความสามารถพิเศษให้เห็นอยู่เสมอพ่อแม่ทุกคนควรลองนึกดูดี ๆ ว่า จุดเด่นของลูกคืออะไร
แล้วสิ่งใดที่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวเขา ก็ใช้ช่วงเวลาดี ๆ บอกให้ลูกได้รับรู้บ้างว่า
“พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวลูกมากน้อยแค่ไหน” เพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำนี้มันจะเปลี่ยนเป็นพลัง และกำลังใจให้ลูกได้อย่างมหัศจรรย์ทีเดียว
3. พ่อกับแม่ “สนับสนุน” ลูกเสมอนะ
พ่อแม่ทุกคนควรตระหนักอยู่เสมอว่า “ลูกไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ลูก”
เพราะฉะนั้น อย่าเอาลูกไปเปรียบเทียบกับตัวเองสมัยเด็ก ๆ บางอย่างที่พ่อแม่ชอบ ลูกอาจไม่ชอบ
มุมมองที่ต่างกัน ถ้าไม่เข้าใจกัน ก็ทำให้มีปัญหากันได้ และถ้าหากเด็กบางคนถูกบังคับมาก ๆ
ก็จะรู้สึกว่าเขาไม่มีความเป็นส่วนตัว ไร้อิสระ ท้อแท้ และไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ขณะที่บางคนโตมาในครอบครัวนักกฎหมาย
แต่ต้องการเป็นนักเขียน หรือบางคนมีความต้องการใช้ชีวิตอย่างที่อยากเป็น ไม่ว่าเขาจะเลือกเป็นอย่างไร
หากสิ่งที่เขาตัดสินใจนั้นเป็นสิ่งที่ดี พ่อแม่ก็ควรสนับสนุนพวกเขา เพียงแค่บอกว่า
“พ่อกับแม่ยังคงเข้าใจและสนับสนุนลูกทุกเมื่อ ถ้าสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ดีและลูกต้องการ”
4. พ่อกับแม่ “เชื่อมั่น” ในตัวลูกเสมอนะ
ช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อลูกเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง
อาจเข้ามาจนพ่อแม่ตั้งตัวไม่ติด ลูกอาจสูญเสียความมั่นใจในการตัดสินใจ หรือลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
หากใครเคยเจอปัญหาลูกอยู่ในช่วงสับสนแบบนี้ ลองถามตัวเองดูว่า เคยสละเวลาบอกลูกบ้างหรือไม่ว่า
“พ่อกับแม่เชื่อมั่นในตัวลูกมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อและแม่ก็จะอยู่ข้างลูกเสมอ”
5. พ่อกับแม่ “ขอโทษ”
บางครั้งการขอโทษมันอาจจะเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่จะพูด แล้วยิ่งคนส่วนใหญ่ มักให้ความสำคัญกับความเป็นพ่อและแม่ค่อนข้างสูง
ดังนั้น หากพ่อแม่ทำผิด ก็จะคิดกันแต่เพียงว่า พ่อแม่ไม่ควรที่จะขอโทษลูก ยิ่งคนเป็นพ่อด้วยแล้ว
อาจจะยากขึ้นไปอีกที่จะกล่าวคำว่า “ขอโทษ” กับลูกอย่างไรก็ดี คำขอโทษจากพ่อแม่นั้น
ลูก ๆ เองก็ควรมีเหตุผลและรู้จักบาปบุญคุณโทษด้วย เพราะลูกไม่มีสิทธิ์ที่จะขึ้นเสียง หรือออกคำสั่งกับพ่อแม่
ไม่ว่าจะประการใดก็ตาม ทั้งนี้ การที่พ่อแม่กล่าวคำขอโทษกับลูกเมื่อทำผิดพลาด ไม่ได้หมายความว่า
ลูกจะดูถูกความเป็นพ่อเป็นแม่ ในทางกลับกัน การที่พ่อแม่ยอมรับและกล้าขอโทษ
มันยังทำให้ทุกคนเรียนรู้ที่จะเคารพตัวเอง เพราะกล้าที่จะยอมรับในสิ่งที่ทำลงไป อีกทั้งยังเคารพความรู้สึกของผู้อื่นด้วย
6. ลูกเป็น “เด็กดี” ของพ่อกับแม่
พ่อแม่ทุกคนควรทำความเข้าใจธรรมชาติของเด็กก่อนว่า เด็กทุกคนอยากได้รับคำชมเชย
และได้ยินคำยืนยันจากพ่อแม่อีกสักครั้งว่า เขาเป็นลูกที่ดีพอหรือไม่ ดังนั้น หากลูกเป็นเด็กดี มีน้ำใจ
น่ารักกับทุกคน พ่อแม่ก็ควรชมเชยลูกบ้างว่า “ลูกเป็นเด็กดีของพ่อและแม่มาก”
เพราะการที่เขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ มันจะทำให้ลูกเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น และเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอีกด้วย
7. แม้เลิกกัน แต่ลูกไม่ต้องเลือกรัก
ข้อนี้จะดีสำหรับครอบครัวที่พ่อแม่มีเหตุที่ต้องเลิกรากันไป ทำให้เด็กตกอยู่ในภาวะสับสน
เลือกว่าจะต้องอยู่กับใคร ซึ่งในระหว่างช่วงเวลาสับสน กับการเลือกฝั่งของพ่อและแม่แล้ว
ลูกบางคนที่ตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้น อาจจะต้องเลือกด้วยว่า จะรักใคร ซึ่งพ่อแม่ส่วนใหญ่
มักจะกีดกันลูกไม่ให้เด็กพบอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น หากลูกอยู่กับแม่ แม่มักจะสอนให้รักแม่ แต่เกลียดพ่อ
หรือหากอยู่กับพ่อ ก็ต้องรักพ่อและเกลียดแม่ เป็นต้น ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่
แม้ในที่สุดจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่ควรบังคับลูกให้รักใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น
เพราะยังไงพ่อกับแม่ก็คือบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
8. พ่อกับแม่ “ยอมรับ” ในสิ่งที่ลูกเป็น
เมื่อลูกเริ่มโตขึ้นมากเท่าไหร่ เขายิ่งต้องการการยอมรับจากพ่อและแม่มากขึ้นเท่านั้น
ในความเป็นจริง ลูกมักจะพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้พ่อแม่ยอมรับในตัวเขา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตัดสินใจในความรักวัยเด็ก หรือการกระทำต่าง ๆ ที่ลูกอาจมีพฤติกรรมเบี่ยงเบน
แม้พ่อแม่จะอยู่คอยดูอยู่ห่าง ๆ และการที่ลูกรู้ว่า พ่อแม่ยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น และเลือกแล้วนั้น
แสดงให้เห็นว่าพ่อแม่ไม่ได้ละเลยแต่อย่างใด อีกทั้งยังคงรักและเข้าใจอยู่เสมอด้วย
เพียงแค่พ่อแม่บอกกับลูกว่า “พ่อแม่เข้าใจและยอมรับลูกเสมอ ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไรก็ตาม”
9. พ่อกับแม่ “ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” นะลูก
บางครั้งพ่อแม่อาจจะพูดอะไรบางอย่าง ที่ลูกฟังแล้วรู้สึกเสียใจกับคำพูดเหล่านั้น ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว
พ่อแม่อาจพูดไปโดยที่ไม่ได้คิดว่า ลูกจะเสียใจกับสิ่งที่พูดออกไป ดังนั้น หากพ่อแม่ทราบว่าลูกเสียใจ
ก็ควรอธิบายให้เขาเข้าใจว่า หมายความว่าอย่างไรกันแน่ อย่าให้ลูกเข้าใจผิด ๆ แต่ทางที่ดีก็ควรพูดจาให้ชัดเจนตั้งแต่แรกจะดีกว่า
10. ลูกคือ “คนสำคัญ” ของพ่อกับแม่นะ
จริง ๆ แล้วข้อนี้อาจเป็นคำที่สำคัญอันดับแรก ๆ เสียด้วยซ้ำ เมื่อในความเป็นจริงแล้ว
“ลูก” คือคนสำคัญและคนพิเศษสำหรับพ่อแม่ แต่จะมีสักกี่ครั้ง ที่พ่อแม่ได้บอกให้ลูกรับรู้จากปากของพ่อแม่เองบ้าง
เชื่อเถอะว่า หากได้พูดให้ลูกรู้ สิ่งที่จะได้กลับมานั้นมันย่อมมีค่ามหาศาลมากกว่าเป็นไหน ๆ
เพราะนั่นคือสายใยความรักระหว่างพ่อ แม่ และลูก ทั้งนี้ พ่อแม่ทุกคนควรกอดลูกบ้าง
โดยเฉพาะเมื่อลูกเริ่มโตขึ้น อย่าให้วัยที่เปลี่ยนไปมาทำให้ระยะห่างพ่อ แม่ ลูกห่างกัน
จนรู้สึกว่า การกอดนั้นเป็นเรื่องแปลก ดังนั้น การกอดลูกแน่น ๆ และบอกว่าเขาสำคัญมากแค่ไหน
แม้จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่มันจะเป็นความทรงจำที่คนเป็นพ่อ แม่ และลูกจะไม่มีวันลืมได้เลย
ที่มา p a t t a n a k i t