Skip to content
น่าอ่าน
Menu
Menu

พ่อแม่จงเข้าใจ อย่าบังคับ อย่ายัดเยียดการเรียนให้ลูกมากไป

Posted on 11 มกราคม 2023 by น่าอ่าน

หลายคนคงรู้และเข้าใจว่า การศึกษาทุกวันนี้ คืออนาคต ความหวังให้ลูกคุณ

ฉะนั้น หลาย ๆ ครอบครัว เขาจึงทุ่มเททุกสิ่งที่มี ให้ลูกได้เรียนโรงเรียนดี ๆ

แต่ก็ลืมไปว่า ควรพัฒนาทักษะด้านอื่น ๆ ไปด้วย

1. หากลูกอายุได้สองขวบ

เราส่งลูกเข้าเนอสเซอรี่ หมดค่าใช้จ่ายไปปีละแปดหมื่น แค่คิดว่ากลัวไม่ทันเพื่อน

กลับกลายเป็นส่งลูกไปติดหวัดที่โรงเรียน เพราะวัยนี้ ภูมิต้านทานยังไม่แข็งแรง

ไหนจะเสี่ยงที่จะต้องเจอกับเนอสเซอรี่ที่ไม่ดี หรือพี่เลี้ยงที่สอนแบบผิด ๆ

กลับกลายเป็นพฤติกรรมตัวอย่าง ที่ลูกได้มาแบบที่ไม่รู้ตัว

2. เมื่ออยู่อนุบาลยันประถม

ทั้งในและนอกหลักสูตร ต้องกวดวิชาเพื่อเตรียมสอบเข้าป.1 เสริมด้วยไวโอลิน อังกฤษ คณิต

ว่ายน้ำ ฯลฯ เพราะคิดว่า ลูกจะเก่งน้อยกว่าคนข้างบ้าน แต่คุณพ่อคุณแม่หารู้ไม่ว่า

จินตนาการคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะนำให้ลูกของคุณเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ

แต่คุณกำลังให้เรียนโน่นทำนี่ สิ่งเหล่านี้แหละมันไปปิดกั้นพัฒนาการในด้านการจินตนาการของเขา

เราแค่กลัวว่า ลูกจะไม่เก่ง แต่ไม่เคยถามความรู้สึกของลูกว่า เขาฝันอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร

3. มัธยมอมเปรี้ยว

ทีนี้หนักเลย เพื่อการที่จะสอบได้คะแนนดี ๆ เพื่อเข้ามหาลัยได้ เรียนพิเศษทุกเย็นหลังเลิกเรียน

เสาร์อาทิตย์ วันปิดเทอม ลูกก็ไม่ได้พัก บางครั้งลูกไม่อยากไป แต่พ่อแม่เนี่ยอยากให้ไป

บางบ้านนะหมดเงินปีละ 6 ถึง 7 แสน เพื่อให้ลูกได้เรียนในสิ่งที่คิดว่าดี คือยังไม่ทันเข้ามหาลัยเลย หมดไปเยอะละ

4. โลกแห่งความเป็นจริงวัยทำงาน

เมื่อลูกเรียนจบ ก็คาดหวังว่า ลูกฉันเลี้ยงมาอย่างพิเศษ เพราะงั้นจะจ้างลูกฉัน มันต้องแพงกว่าสิ

ส่งเรียนไปหมดไปหลายล้านนะไรงี้ “คือคุณค่าของใบปริญญาของพ่อแม่ กับนายจ้างที่มองมันต่างกัน”

พ่อแม่ชาวไทย ตีค่าใบปริญญาลูกรักสูง นั่นเป็นเพราะเราอยู่ในกระบวนการจ่ายเงินจริงมายาวนาน

และลำบากมากว่า 20 ปี แต่นายจ้างกลับตีค่าไม่สูงแบบนั้น และนายจ้างกลับมีคำถามใหญ่ 3 คำถามดังต่อไปนี้

1. เคยทำอะไรสำเร็จบ้าง

2. ลูกคุณทำอะไรเป็นบ้าง ทำอะไรได้บ้างล่ะ

3. จะมาสร้างความสำเร็จอะไรให้ที่นี่ล่ะ

ความเห็นส่วนตัวนะ หากว่าพ่อแม่ชาวไทย (ส่วนหนึ่งไม่ใช่ทั้งหมด) ที่ลงทุนกับการศึกษาลูกด้วยเงินจำนวนเยอะ ๆ

ปรับแนวคิดสักนิด ประหยัดเงินบางส่วน แล้วนำเงินส่วนเดียวกันนี้ เริ่มทำธุรกิจให้ลูก

ในช่วงปิดเทอม ให้ลูกได้ใช้ความอดทนความพยายาม ริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นผู้ประกอบการในยุคสมัยที่อาชีพการงานไม่เป็นใจ

เผื่อเวลาจากการศึกษาให้เขาได้ลองเรียนรู้ เขียนหนังสืออ่านหนังสือ ลองเขียนโปรแกรมสร้างแอพ

ลอง design ขายของ ฯลฯ จนสุดท้ายหาเงินด้วยตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะเรียนจบ

หากเขาสามารถส่งตัวเองเรียนได้ หรือมีรายได้มาแบ่งเบาภาระเรื่องค่าการเรียนได้สักหน่อย

สิ่งเหล่านี้แหละจะช่วยพัฒนาเขาได้ไม่แพ้การศึกษาเลย และพ่อแม่ได้ภูมิใจที่ลูก ๆ ได้ฝึกภูมิต้านทาน

และความแกร่ง เพราะเงินเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถซื้อสมองให้ลูกคุณได้

ไม่ใช่คะแนนสอบที่สูงลิ่ว แต่คิดอะไรเองไม่ได้เช่นนี้

ไม่ได้เรียกว่าฉลาดแต่เรียกว่าจำเก่ง แล้วนำไปทำข้อสอบได้

คงจะดีกว่านี้ ถ้าทั้งเก่งในข้อสอบ และเก่งในทักษะโลกของชีวิตจริง