เรื่องที่แม่ต้องสอนลูก ไม่ใช่แค่เรียนให้เก่ง แต่ต้องเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีความสุข โตไปไม่ลำบาก
พญ.ถิรพร ตั้งจิตพร จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี แนะนำพ่อแม่ผู้ปกครอง
ถึงเรื่องที่แม่ต้องสอนลูกว่า การสร้างสังคมที่ดี สามารถเริ่มต้นได้ที่ตัวเรา และต้องช่วยกันปลูกฝังความดี
สู่หัวใจลูกตั้งแต่ยังเล็ก สำหรับเทคนิคการเลี้ยงลูกให้จิตใจดี ต้องเริ่มดังนี้
ฝึกให้ลูกช่วยเหลือตนเอง
ฝึกให้ลูกช่วยเหลือตนเอง เพื่อเป็นพื้นฐานทักษะอื่นต่อไป เพราะการที่เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ และลดการพึ่งพาคนอื่น
จะทำให้เด็กเกิดความมั่นใจในตัวเอง ลดความกังวล และพร้อมที่จะเรียนรู้ทักษะอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน
ฝึกให้ลูกช่วยงานบ้าน
ฝึกให้ลูกช่วยงานบ้าน เริ่มได้ตั้งแต่เล็ก โดยส่วนใหญ่ เด็กวัย 2 ขวบ เริ่มฟังและเข้าใจคำสั่งง่าย ๆ ได้แล้ว
ดังนั้น เราควรฝึกลูกให้ช่วยงานบ้านขั้นพื้นฐาน เช่น เก็บของเล่นหลังเล่นเสร็จแล้ว นำเสื้อผ้าที่สวมแล้วไปใส่ตะกร้า เป็นต้น
การให้ลูกช่วยงานบ้าน โดยเริ่มจากสิ่งที่เขาควรต้องรับผิดชอบเอง ทำให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องหน้าที่ของตนเอง
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการใช้ชีวิตในสังคม เมื่อลูกเริ่มโตขึ้น ค่อยเพิ่มหน้าที่ภายในบ้านให้เหมาะสมกับวัย
ลูกก็จะเรียนรู้ว่า สิ่งต่าง ๆ ที่ตนทำนั้นมีผลกระทบต่อคนรอบข้างอย่างไร นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ฝึกระเบียบวินัย
ฝึกระเบียบวินัย เพื่อเป็นทักษะการควบคุมตนเอง และยับยั้งชั่งใจให้แก่ลูก นับเป็นพื้นฐานในการ
ทนต่อสิ่งยั่วยุต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่เล็ก ๆ อาทิ การตื่นนอนและเข้านอนให้เป็นเวลา
รับประทานอาหารเป็นเวลา การเก็บของเล่นให้เป็นที่เป็นทาง หลังเล่นเสร็จแล้ว ไม่รับประทานขนมหรืออาหารในห้องนอน เป็นต้น
การพาลูกไปพบคนหลากหลาย
การพาลูกไปพบคนหลากหลาย นับเป็นการฝึกให้ลูกมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และเข้าใจสังคมมากขึ้น
คือ ทำให้เขาเห็นว่า ในโลกนี้มีคนที่แตกต่าง หลากหลาย ทั้งสีผิว เชื้อชาติ ภาษา และความคิด
ซึ่งสิ่งที่แตกต่างเหล่านี้ ไม่ได้แปลว่าผิดเสมอไป การพาลูกออกเดินทางท่องเที่ยว ได้เห็นวิถีชีวิต
ผู้คนที่แตกต่าง พร้อมกับคำชี้แนะที่เหมาะสม จะทำให้ลูกเข้าใจความเป็นไปของโลกใบนี้ได้ดีขึ้น
สอนเรื่องอารมณ์ต่าง ๆ
พ่อแม่มักให้ความสำคัญกับการสอนลูก ให้เป็นเลิศในด้านวิชาการ สอนเรื่องมารยาท กฎระเบียบ แต่กลับลืมเรื่องการรับมือกับอารมณ์ ตั้งแต่ลูกยังเล็ก
ดังนั้น พ่อแม่ควรเริ่มต้นสอนให้ลูกรู้จักอารมณ์ต่าง ๆ ของตน ด้วยการเอ่ยชื่ออารมณ์นั้น ๆ เมื่อลูกแสดงออกมา
อาทิ เมื่อลูกร้องไห้เพราะไม่ได้ของเล่น อาจบอกลูกว่า แม่รู้ว่าลูกกำลังเสียใจที่ไม่ได้ของเล่น หรือเมื่อลูกโกรธที่ถูกแย่งขนม
ต้องบอกว่า ลูกกำลังโกรธใช่ไหม แต่แม่อยากให้ลูกหายใจลึก ๆ ใจเย็น ๆ การสอนเช่นนี้ จะช่วยทำให้ลูกเรียนรู้
ที่จะจัดการกับอารมณ์ของตนเมื่อโตขึ้น และไม่นำอารมณ์ของตนเอง มาเป็นข้ออ้างในการทำร้ายคนอื่น
สร้างแรงบันดาลใจด้วยเรื่องเล่า
สร้างแรงบันดาลใจด้วยเรื่องเล่า สำหรับเด็กเล็ก โลกของเขายังไม่กว้างใหญ่มากนัก การเล่าเรื่องราวต่าง ๆ จากนิทาน
หรือเกร็ดประวัติศาสตร์อย่างง่าย ๆ เกี่ยวกับบุคคลที่ทำเพื่อผู้อื่น จะช่วยทำให้ลูกเข้าใจเรื่องการช่วยเหลือกันในสังคมได้ดีขึ้น
คนเป็นพ่อแม่อาจถามลูกว่า หากเกิดเหตุการณ์อย่างในนิทานขึ้นกับลูก ลูกจะทำอย่างไร
ลองฟังคำตอบของลูก แล้วชื่นชมหรือตั้งคำถาม เพื่อชี้แนะแนวทางที่ถูก หลีกเลี่ยงที่จะวิจารณ์
และตัดสินว่า คำตอบของลูกถูกหรือผิด เพื่อให้ลูกได้ฝึกคิดด้วยตนเอง โดยมีพ่อแม่เป็นผู้ชี้นำแนวทางที่เหมาะสม
สอนลูกให้รู้จักแก้ปัญหา
บ่อยครั้งที่ลูกทำผิดพลาด พ่อแม่หลายคนจะใช้วิธีตำหนิหรือดุลูก เพื่อไม่ให้ลูกทำผิดอีก นั่นจะทำให้เด็กคิดว่า
การทำผิดเป็นเรื่องใหญ่ และกลัวที่จะทำผิด หรือจะปกปิดความคิดของตนเอง โดยการโกหก
ดังนั้น พ่อแม่ควรรู้จักให้อภัยลูก แล้วชวนลูกแก้ไข้ปัญหา หลังจากที่เกิดข้อผิดพลาด อาทิ เด็กวิ่งแล้วทำน้ำหก
พ่อแม่ควรฝึกให้เด็กรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ คือ เช็ดน้ำและเก็บแก้วให้เป็นที่ หลังจากนั้น
บอกให้ลูกรู้ว่า ครั้งหน้าสามารถระวังอย่างไร ให้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
นอกจากเรื่องที่ต้องสอนลูกแล้ว พ่อแม่ ผู้ปกครอง คนในครอบครัว ก็ต้องเป็นต้นแบบ หรือแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็ก
เพราะการเห็นแบบอย่างที่ดี จะทำให้เด็กสามารถจดจำการทำดีได้ มากกว่าการใช้เพียงคำพูด
การเลี้ยงลูกต้องใช้ความอดทน ความเข้าใจเป็นสำคัญนะคะ กว่าที่ลูกจะรู้เรื่อง และทำตามในสิ่งดี ๆ
ก็ต้องใช้เวลาฝึกฝน ปฏิบัติเป็นประจำ หากพ่อแม่หมั่นสอนสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องสอนลูก ลูกก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีอย่างแน่นอน