ในยุคสมัยที่มีการแข่งขันกันสูง แก่งแย่งชิงดีกันมากมาย ทุกคนต่างเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น
วันนี้เราจึงได้หยิบยกนิทานเรื่อง “ชายตาบอดถือโคมไฟ” มาให้ทุกคนได้อ่าน เรื่องมีอยู่ว่า…
ในยุคก่อน สมัยที่ทุกคนใช้การเดินทางด้วยการเดินเท้า ยังไม่มีรถ ไม่มีไฟฟ้าใช้
มีถนนเส้นหนึ่งเป็นถนนที่อยู่ติดกำแพงเมือง ที่มีแต่ความมืดและแคบ ไม่มีแสงส่องสว่าง
แต่ผู้คนในเมืองมักนิยมใช้เส้นทางนี้สัญจรไปมา เพราะเป็นเส้นทางลัดที่ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางได้ดี
ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ก็ยังพอมีแสงจันทร์ส่องให้เห็นทางอยู่บ้าง
แต่ในคืนเดือนมืดที่ไม่มีแสงจันทร์นั้น ถนนเส้นนี้มืดสนิท ผู้คนแทบจะเดินเบียดเสียดชนกันไปมา
อยู่มาคืนหนึ่ง มีนักบวชรูปหนึ่งเดินผ่านเข้ามายังตรอกนี้ เพื่อมุ่งหน้าไปยังอาราม
ซึ่งในบางช่วงของถนนเส้นนี้มืดสนิท มืดมากกระทั่งนิ้วมือทั้งห้ายังไม่อาจมองเห็นได้
เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ นักบวชท่านนี้ทั้งเดินไปชนผู้อื่น และถูกผู้อื่นเดินมาชนไม่หยุดหย่อน
ในตอนนั้นเอง ก็ได้มีชายผู้หนึ่งถือโคมไฟเดินผ่านมาพอดี ทำให้ถนนช่วงนั้นเกิดแสงสว่างขึ้นพอสมควร
นักบวชได้ยินคนเดินผ่านทางพูดขึ้นมาว่า
“คนตาบอดผู้นั้นช่างแปลกนัก ตนเองมองไม่เห็นแท้ ๆ ไยต้องถือโคมไฟให้วุ่นวาย”
เมื่อนักบวชได้ยินก็รู้สึกแปลกใจ จนกระทั่งชายตาบอดถือโคมไฟคนนั้นมาถึงตรงที่นักบวชเดินอยู่
นักบวชจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ขออภัย ท่านตาบอดจริง ๆ หรือ”
ชายผู้นั้นตอบว่า “ถูกแล้ว ข้าตาบอดตั้งแต่กำเนิด สำหรับข้า ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย เย็น
ล้วนไม่ต่างกัน ทั้งยังไม่ทราบว่า แสงสว่างหน้าตาเป็นเช่นไร”
นักบวชได้ยินดังนั้นก็ยิ่งสงสัย จึงเอ่ยถามต่อไปว่า
“เช่นนั้นท่านจะถือโคมไฟไปทำไม ทำไมไม่ใช้ไม้เท้าคลำทาง”
ชายตาบอดตอบว่า “เพราะข้าเข้าใจดีว่า ตอนกลางคืนไร้แสงสว่าง
คนตาดีทั้งหลายก็เป็นเช่นเดียวกับข้า คือมองไม่เห็นสิ่งใด เวลาเดินเข้ามาในถนนเส้นนี้
ก็มักโดนเดินชนจนเซล้มไปมา ได้แผลถลอกก็หลายหน”
ชายตาบอดกล่าวต่ออีกว่า “เมื่อครู่ท่านเดินอย่างมืดมนในตรอก โดนคนเดินสวนไปมาชนเอา ใช่หรือไม่
ทั้ง ๆ ที่ข้าเป็นคนตาบอด แต่ข้าไม่โดนผู้อื่นเดินชนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อน ข้าก็เป็นเช่นเดียวกับท่าน คือโดนคนเดินมาชนเอาบ่อยครั้ง
แต่เมื่อข้าถือโคมไฟ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ที่ข้าจุดโคมไปไหนมาไหนด้วยนั้น
ข้าจุดเพื่อให้แสงสว่างกับผู้อื่น และเพื่อให้ผู้อื่นมองเห็นตัวข้า ตั้งแต่นั้นมา ข้าก็ไม่โดนผู้ใดเดินชนอีกเลย”
เมื่อนักบวชได้ยินความดังนั้นก็บรรลุปัญญา
“ในบางสถานการณ์ การให้ประโยชน์แก่ผู้อื่นก่อน ผู้ให้ย่อมได้รับผลกลับคืนมาสู่ตนด้วยเช่นกัน”
จิตใจคุณกว้างเท่าใด โลกก็กว้างตามความคิดและจิตใจคุณเท่านั้น
คนที่ใจคับแคบ… มักมองสิ่งที่คนอื่นทำว่าผิดอยู่เสมอ
ในทางกลับกัน ชายตาบอดถือโคมไฟ แทนที่จะถือไม้เท้าคลำทาง
แต่เจตนาดีของเขา ยังส่องแสงสว่างให้ผู้คนรอบข้างเสมอ
แม้สายตาจะมองไม่เห็นใคร แต่ทุกคนมองเห็นเขาและไม่เดินชนเขาอีกเลย
ที่มา bitcoretech