ฉันเก็บกุญแจแห่งความสุขได้
ฉันเพิ่งรู้สึกตัวว่า ตัวเองแบกภาระหนักเกินตัวไปเสียแล้ว
“ฉันยังเป็นวัยรุ่นไม่ใช่เหรอ” ฉันมักจะถามตัวเองอยู่เสมอ จนบางครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองแก่กว่าอายุจริงไปเป็นสิบปี
ฉันเหมือนเต่าตัวน้อย ที่เกิดมาพร้อมกับกระดองอันหนักอึ้ง
ฉันพยายามวิ่งไปข้างหน้า แต่ขาและกระดองที่หนักมันไม่เป็นใจ
ฉันเคยถามตัวเองว่า “ฉันมีชีวิตไปเพื่ออะไรกัน”
“อยู่เพื่อความสุข” หลวงพ่อท่านหนึ่งบอกกับฉัน
ท่านเล่าให้ฉันฟังว่า มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง เขารู้สึกสิ้นหวังในชีวิต เขาได้เรียนถามหลวงพ่อว่า อะไรคือสัจธรรมของชีวิต
หลวงพ่อพิจารณาแล้วก็ตอบเขาไปว่า “โยมลองมาบวชสิ” เด็กหนุ่มผู้นั้นก็ได้ขอบวชกับหลวงพ่อ
เมื่อบวชเป็นพระ พระบวชใหม่ใช้ชีวิตด้วยความสงบอยู่ในวัด เช้ามาก็ทำวัตรเช้า กวาดลานวัด อ่านพระธรรมคัมภีร์
พระใหม่ยิ่งรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจทำ เพราะชีวิตในวัดไม่ได้มีรสชาติไรเลย
“มันน่าเบื่อสิ้นดี” พระหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าหลวงพ่อ
“สัจธรรมของชีวิตมันน่าเบื่ออย่างนี้หรือขอรับหลวงพ่อ” พระหนุ่มถามต่อ เมื่อเห็นหลวงพ่อเอาแต่หัวเราะ
หลวงพ่อหยิบถ้วยใบหนึ่งแล้วก็ตักน้ำขึ้นมาจากตุ่มข้างกาย
“ถ้วยที่มีน้ำนี้ เธอเห็นอะไรอยู่ในนี้บ้าง”
“ไม่เห็นอะไรเลยขอรับ” พระหนุ่มตอบไปแบบงง ๆ
“ในถ้วยใบนี้ อาตมามองเห็นความใสของน้ำ ที่เป็นดั่งกระจกส่องท้องฟ้าที่สดใส
อาตมายังเห็นลานวัดที่เขียวขจีไปด้วยพุ่มไม้ มันกำลังร่ายรำไปตามแรงลม
อาตมายังเห็นถึงความหอมหวานของน้ำในถ้วยใบนี้ โยมรู้ไหม.. คนในสมัยนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้ดื่มน้ำบ่อกันแล้ว
เขาดื่มแต่น้ำประปาที่ผ่านการกลั่นกรองจนขาดไปซึ่งรสชาติดั้งเดิม น้ำบ่อเป็นน้ำที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต
เธอดื่มน้ำที่วัดนี้มาหลายวัน เธอไม่เคยสังเกตเลยหรือ อาตมาจะบอกอะไรให้ เธอจะต้องรู้จักหาความสุขจากสิ่งรอบตัว
หากเธออยากมีความสุข ลองใช้ใจมองทุกสิ่งสิ” พระหนุ่มร้องอ๋อ และพยักหน้าไปมาอย่างเข้าใจ
“มันเป็นอย่างนี้นี่เอง กระผมไม่เคยหยุดมองสิ่งรอบตัวเลยขอรับ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ขอรับ”
พอหลวงพ่อท่านเล่าเสร็จ ฉันก็ยิ้มขึ้นมาในทันทีเหมือนกัน
ฉันเข้าใจแล้ว เราทุกคนมีชีวิตอยู่ก็เพื่อความสุข และกุญแจแห่งความสุขนั้นก็คือ ใช้ใจมองทุกสิ่งรอบตัวนั่นเอง
ที่มา นุสนธิ์บุคส์