“เราโยนสิ่งใดขึ้นฟ้า สิ่งที่ตกลงมาก็คือสิ่งนั้น”
ถ่มน้ำลายรดฟ้า ฟ้าก็ถ่มน้ำลายรดเรา ที่จริงก็คือน้ำลายของเราเอง
เราโยนดอกไม้ขึ้นฟ้า ฟ้าก็โปรยดอกไม้สู่เรา ที่จริงก็คือดอกไม้ของเราเหมือนกัน
สิ่งนี้เองคือกฎแห่งกรรม
ทำสิ่งใดไว้ ย่อมได้รับสิ่งเดียวกันเป็นผลตอบแทน
ดังนั้น เมื่อคิดจะโยนอะไรขึ้นฟ้า ก็ควรถามตนเองว่า.. เราพร้อมหรือยังที่จะรับผลแห่งการสะท้อนกลับ
“หลายคนไม่อยากหัวแตก แต่ก็ชอบโยนหินขึ้นฟ้า แล้วเราจะโทษใครได้ ถ้าหัวเราแตก”
รักจะเป็นคนขี้เกียจ ก็จะได้ความตกต่ำ
รักจะเป็นคนขยัน ก็จะได้ความก้าวหน้า
รักจะเป็นคนหลอกลวง ก็จะต้องอยู่คนเดียว
รักจะเป็นคนจริงใจ ก็จะมีมิตรสหายมาก
รักจะเป็นผู้ให้ ก็จะได้เป็นผู้รับ
รักจะเป็นผู้รับ ก็จะไม่มีใครให้
รักจะเป็นผู้ให้โอกาส ก็ได้รับโอกาส
รักจะเป็นผู้ฉวยโอกาส ก็จะไม่มีใครสนับสนุน
รักจะเป็นในสิ่งใด ก็จะได้สิ่งนั้นสะท้อนกลับมาเสมอ
นี่คือกฎธรรมดาของโลกแห่งกรรมนิยาม
กฎแห่งธรรมชาติ คือกฎอันศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งใหญ่ ไม่อาจต่อรอง
มนุษย์เป็นเพียงสัตว์โลกตัวเล็ก ๆ ซึ่งมีหน้าที่ทำความเข้าใจ
และปรับตัวอยู่ร่วมกับกฎแห่งธรรมชาติอย่างสันติ อย่าพยายามฝ่าฝืน ดึงดัน แต่จงลื่นไหลไปตามนั้น
โลกไม่เคยมีเรื่องบังเอิญ และของฟรีก็ไม่มีในโลก
โยนสิ่งใดขึ้นฟ้า เตรียมตัวไว้เถอะ สักวันสิ่งนั้นจะตกใส่หัวคุณแน่นอน
ที่มา พศิน อินทรวงค์