จะสุขหรือทุกข์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราเจออะไร แต่ขึ้นอยู่กับเราว่า “ผูกใจ” ไว้กับอะไร
การผูกใจ คือการที่เราเอาจิตไปจดจ่อโฟกัสกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
บางคนใช้ชีวิตโดยเอาทุกอย่างให้ลูกหมด อันนี้คือผูกใจไว้ที่ลูก
บางคนทุ่มเททำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่รู้จักหยุด อันนี้คือผูกใจไว้ที่งาน
บางคนทำทุกอย่างเพื่อแฟน อันนี้คือผูกใจไว้ที่คนรัก
บางคนชอบของบางอย่างมาก ทุ่มเททำงาน ได้เงินมาเท่าไหร่ก็เอาไปซื้อของสิ่งนี้หมด อันนี้คือผูกใจไว้ที่สิ่งของ
เมื่อเราผูกใจของเราไว้กับสิ่งไหน สิ่งนั้นจะเป็นตัวกำหนดความสุขความทุกข์ทั้งหมดในชีวิตเรา
ถ้าเราผูกหัวใจไว้กับลูก ทุ่มเททั้งหมดให้กับเขา เขาดีกับเรา พูดดีกับเรา เห็นเขามีความสุข เราถึงจะสุข
แต่ถ้ากลับกัน เขาไม่ดีกับเรา เผลอพูดแย่ ๆ หรือเขามีเรื่องทุกข์ใจ เราก็จะพลอยทุกข์ไปด้วย
ถ้าเราผูกหัวใจไว้กับความรัก วันไหนเขาทำดีกับเรา เราก็สุขเหลือหลาย วันไหนเขาไม่เหลียวแลเรา ก็ทำให้ทุกข์ใจเหมือนกัน
ยิ่งเรายึดติดกับอะไร ยิ่งผูกแน่นแค่ไหน เราจะเฉย ๆ กับเรื่องอื่น ๆ ปล่อยผ่านเรื่องที่ไม่ได้ยึดติดได้ง่ายดาย
เพราะใจจะมาสุขมาทุกข์กับเรื่องที่เรายึดติดไว้เท่านั้น การยึดมั่นถือมั่น คือเราเอาใจไปยึดกับสิ่งนั้นสิ่งนี้
เมื่อเรายึดมั่นถือมั่นกับอะไร กลายเป็นใจเราเสียอำนาจ ในการคุมความสุขความทุกข์ของตนเอง
เพราะเราดันไปผูกไว้ ไปยึดไว้ ไปฝากไว้กับสิ่งนั้น ๆ แล้ว กลายเป็นว่า สิ่งนั้นจะเป็นตัวกำหนดความสุขในชีวิตเรา
จริง ๆ แล้ว ไม่มีเหตุผลไหนที่ดีพอ ที่เราจะไปฝากความสุขของเราไว้กับใคร สิ่งของชิ้นไหน หรือเรื่องอะไรทั้งนั้น
ดังนั้น เมื่ออ่านบทความนี้จบ ขอให้หาที่เงียบ ๆ นั่งนิ่ง ๆ สำรวจความคิดตัวเองว่า เรายึดมั่นถือมั่นกับสิ่งไหน หรือใครรึเปล่า
ไปผูกไว้กับคน ลาภ ยศ อำนาจ ชื่อเสียง เงินทองบ้างไหม ถ้ารู้ตัวว่ามีผูกไว้ ขอให้เริ่มที่จะคลายปมมันทีละนิด ๆ
พาตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องผูก ไม่ต้องยึดไว้กับอะไรทั้งนั้น
ฝึกให้ใจมีความสุขได้ด้วยตัวของมันเอง ไม่ต้องอาศัยสิ่งเร้าไหน ๆ ไม่ต้องอาศัยใครอื่น ไม่ต้องอาศัยอะไรที่มาสนองความอยาก
ให้ใจมันสุขได้จากใจที่มันสงบของมัน ฝึกใจให้สุขเอง.. สุขจนมันล้นออกมา พอล้นแล้วก็จะไม่อยากได้อะไรอีก
เต็มแล้วก็ไม่ต้องเติมอะไรแล้ว แถมไม่อยากเบียดเบียนใคร เพราะไม่ได้ต้องการอะไรเพิ่มมาเติมใจอีกแล้ว
ความสุขที่ไม่ได้ผูกยึดไว้กับอะไร คือความสุขที่สุขใจอย่างแท้จริง
ที่มา ธรรมะย่อยมาแล้ว