มีคนเคยกล่าวไว้ว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิต ที่แปลกที่สุดในโลก
เขายอมสละสุขภาพเพื่อหาเงิน แล้วก็นำเงินที่หามาได้ไปรักษาสุขภาพ
เขาห่วงอนาคตมาก จนไม่มีความสุขกับปัจจุบัน ผลคือ เขาไม่มีความสุขกับปัจจุบัน และดูเหมือนไร้อนาคต
เขาทำงานหนักเหมือนร่างกายเป็นอมตะ ไม่มีวันสิ้นลมหายใจ และสุดท้ายเขาก็จากโลกนี้ไป โดยแทบไม่ได้ใช้ชีวิต
นักธุรกิจท่านหนึ่ง พูดถึงสิ่งที่เขารู้สึกเสียใจ โดยเขาเล่าว่า…
ตลอดระยะเวลาที่ทำธุรกิจมาทั้งชีวิต เขามีเงินมากพอจนสามารถตระเวนซื้อบ้านทั่วทั้งประเทศ ตั้งแต่เหนือจรดใต้
เขามีบ้านเกิน 10 หลัง ตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ทั่วประเทศ แต่ในหนึ่งปี เขาไม่เคยนอนครบทุกหลัง
ส่วนคนที่ได้นอนครบเกือบทุกหลัง คือ คนรับใช้ของเขา ซึ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หรูในต่างจังหวัด
อยู่อย่างมีความสุข ท่ามกลางป่าเขา ต้นไม้ แม่น้ำ ลำธาร ได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง
ส่วนงานบ้านก็ไม่มีให้ทำมาก เพราะเจ้านายไม่ค่อยมีเวลาได้เดินทางไป ขณะที่เศรษฐีที่เป็นเจ้านายกลับทำงานหนักงก ๆ อยู่ในเมืองหลวง
แต่ละวันเจอรถติดไม่ต่ำกว่า 3-4 ชั่วโมง และอาศัยอยู่ในคอนโดที่ขนาดไม่ได้ครึ่งหนึ่งของบ้านพักตากอากาศที่เขาซื้อเลย
ตื่นออกไปเข้าออฟฟิศแต่เช้า กลับเข้ามาบ้านก็ดึกมาก ไม่ได้ทานข้าวกับภรรยา ไม่ได้สอนการบ้านลูก ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว
นี่คือชีวิตที่เขาต้องเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ขณะที่ธุรกิจของเขากำลังไปได้ดี เขาก็เริ่มไม่สบายด้วยอาการยอดฮิตของคนรวย นั่นคือ “มะเร็ง”
เขามองเห็นสภาพของตัวเองที่สะท้อนผ่านกระจกบานใหญ่ที่ข้างเตียง รู้สึกตัวว่า เวลาในชีวิตนั้นเหลือน้อยลงไปทุกที
ในช่วงที่เขาแข็งแรงดี มีกำลังทำงาน เป็นคนที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของคนในสังคม มีแต่คนอยากจะเข้าหา
แต่ในวันนี้ ไม่มีใครมาเยี่ยมเลย มีแต่ภรรยาที่คอยดูแล และลูก ๆ ที่คอยมาหยอกล้อเล่นด้วยอยู่ข้างเตียง
ส่วนคนอื่น ๆ ไม่มีคนอยากเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ และเขาก็ไม่อยากให้ใครมาเยี่ยมเพื่อให้เห็นตัวเองในสภาพนี้ด้วย
เขาตัดสินใจว่าจะขอจากโลกนี้ไปกับสภาพแบบนี้ แบบที่ไม่อยากให้ใครเห็น
วันหนึ่ง.. เขาตื่นขึ้นมาก็คิดได้ว่า แท้ที่จริงแล้ว ชีวิตนั้นต้องการที่นอนเพียงพอแค่รองรับแผ่นหลังได้เท่านั้น
เงินก็อยู่ในธนาคาร ชื่อเสียงก็เปรียบเหมือนแค่สายลม ที่พัดมาแล้วเดี๋ยวก็พัดผ่านไป
ชีวิตเราที่จริงนั้นไม่ต้องการอะไรมากเลย เราต้องการเพียง “สิ่งพื้นฐานที่สุด” นั่นก็คือ
ขอให้นอนลงไปบนเตียงเต็มแผ่นหลัง โดยไม่ต้องร้องโอดโอย
ขอให้ผมกลับมาดำ และอยู่เต็มหัวเหมือนเดิม
ขอให้เคี้ยวข้าวได้อร่อย และกลืนลงคอได้โดยไม่เจ็บ
ขอแค่อยากเข้าห้องน้ำ ก็เดินเข้าได้โดยไม่ต้องมีคนคอยประคอง
เขาตัดสินใจสละทุกอย่าง พอปล่อยลง ปลงได้ อาการก็ดีขึ้นเสมือนไม่ได้ป่วย ซึ่งหนึ่งในล้านคนจะโชคดีอย่างนี้
เมื่อออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว เขาก็ขายบ้านทุกหลังที่มีตั้งแต่เหนือจรดใต้
หันหลังให้ชีวิตความเป็นนักธุรกิจอย่างสิ้นเชิง ตัดสินใจไปใช้ชีวิตเรียบง่ายในต่างจังหวัด ทำเกษตรอินทรีย์
บอกลา ความหรูหรา เกียรติยศ ชื่อเสียง ลาภยศ ทรัพย์สิน อำนาจ ที่คนประเคนให้ทั้งหมด และไปใช้ชีวิตอย่างสงบกับครอบครัว
เมื่อวินาทีสุดท้ายของชีวิตมาถึง สิ่งเหล่านี้ ทั้งชื่อเสียง เงินทอง บ้าน รถ ที่ดิน ทั้งหลายเหล่านี้ กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย
เขาไม่สะสมทรัพย์สมบัติอะไรอีกต่อไป สิ่งเดียวที่เขาสะสมในตอนนี้ คือ สุขภาพ และความรักของคนในครอบครัว
ที่มา bitcoretech