บางคนใช้ชีวิตทั้งชีวิต อยู่กับความเจ็บปวด โดยไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ และมักจะโทษฟ้าดิน โทษโชคชะตา
ที่ทำให้เขาต้องทุกข์ทรมาน แต่ไม่เคยมองการกระทำ ของตนเองเลยแม้แต่น้อย
ถ้าวันนี้เราเป็นฝ่ายทำไม่ดีกับใคร จงเอ่ยคำขอโทษ และเปลี่ยนตัวเองใหม่
ถ้าวันนี้ทำให้ใครเสียน้ำตา จงบอกกับเขาว่า เราจะไม่ทำเช่นนั้นอีก
ถ้าวันนี้ทำให้ใครผิดหวัง จงลบความไม่เอาไหน ออกจากชีวิตไปเถิด
อย่าปล่อยให้เวลา เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยที่เราไม่แก้ไขอะไรเลย เพราะเวลาที่เราอยากกลับไปแก้ไข อาจจะสายไปแล้วก็ได้
ตอนที่ฉันจากไปแล้ว.. อย่ากอดฉัน เพราะฉันไม่รู้สึกอะไร
อย่าเอาสิ่งที่ฉันอยากได้มาให้ เพราะฉันไม่ได้ต้องการแล้ว
อย่าบอกว่าขอโทษ เพราะฉันตื่นขึ้นมาให้อภัยเธอไม่ได้
อย่ารอให้สายเกินไป เพราะเวลา ไม่เคยรอใครเลยสักคน
รู้อย่างนี้แล้ว สวมกอดกันสักครั้ง ในตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่
ถนอมอีกฝ่ายด้วยความห่วงใย ใส่ใจให้มากขึ้น และทำดีต่อกันไว้เถอะนะ
เพราะไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่า วันนั้นมันจะมาถึงเมื่อไหร่
อาจจะเนิ่นนานหลายปี หรืออาจจะมาถึงในอีกไม่กี่วันก็ได้
ดังนั้น เราทุกคนต้องรู้เท่าทัน สัจธรรมข้อนี้ ต้องหมั่นระลึกถึงเป็นประจำ อย่าได้ประมาทในการใช้ชีวิต
เมื่อเราเกิดสติ คิดได้ จะพบว่ามีความรัก ความอบอุ่น รายล้อมอยู่รอบตัวเรามากมาย
แต่เราเห็นจนเคยชิน จึงมองข้ามคุณค่าของมันไป ยกตัวอย่างเช่น ไข่เจียวจานนั้น ที่มีความรักของแม่แฝงอยู่
ธนบัตรบนโต๊ะ ที่มีหยาดเหงื่อ และความหวังดีของพ่อเปื้อนอยู่
ฝ่ามือที่ตบหลังเบา ๆ แต่มีมิตรภาพ และกำลังใจจากเพื่อนซ่อนอยู่
เสื้อผ้าในตู้ ที่ถูกรีดเตรียมไว้ให้อย่างดี มีความใส่ใจของคู่ชีวิตอยู่ในนั้น
และอีกมากมายหลายอย่าง ที่เรามองข้ามมันมาโดยตลอด
หลายคน.. แทบจะจำรสชาติอาหารฝีมือแม่ไม่ได้แล้ว
หลายคน.. ลืมไปแล้วว่าพ่อเคยทำงานหนักแค่ไหน เพื่อเลี้ยงดูเรา
หลายคน.. ทำได้เพียงแค่คิดถึงคนรัก ที่จากไปไกลแสนไกล
เห็นไหมว่า มุมมองชีวิตสำคัญมากแค่ไหน เพราะฉะนั้น อย่าคิดได้ในวันที่สายเกินไป
ที่มา อ่านสนุก