1. การมีความสุขไม่ควรเป็นเรื่องใหญ่ แต่ควรเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ทำได้ง่าย ๆ ผู้คนจำนวนมาก เฝ้ารอเวลาที่จะพบกับความสุข
ผ่านกิจกรรมแสนพิเศษ ผ่านความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ผ่านคำยกย่อง เชิดชู และคำสรรเสริญยอมรับจากผู้อื่น
ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ มิได้ขึ้นกับเราเพียงผู้เดียว ทว่าดูแล้วคล้ายกับ เราต้องขอความเห็นชอบจากผู้อื่น จึงสามารถมีความสุขได้
แล้วทำไมเราจึงไม่เสริมสร้างลักษณะนิสัย ที่จะมีความสุขได้กับเรื่องเล็ก ๆ มุมมองความสุขเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง
หากคิดว่าความสุขเป็นของหายาก มันก็จะยาก หากคิดว่าความสุขเป็นของหาง่าย มันก็จะง่าย
2. ทุกวันนี้ท่านยังมีความสุขอยู่กับการยืน เดิน นั่ง นอนอยู่หรือไม่ ท่านลืมไปแล้วว่า การเดินได้ด้วยตนเอง
โดยมิต้องนั่งอยู่บนรถเข็นมีค่าแค่ไหน เสียงเพลงดัง ท่านยังได้ยิน ท่านเคยซาบซึ้งกับสิ่งนี้บ้างไหม
ท่านยังมองเห็นโลก เห็นดอกไม้ เห็นท้องฟ้ากว้างใหญ่ ท่านคิดหรือไม่ว่าสิ่งเหล่านี้คือความสุข
3. ความรักคือสิ่งที่ต้องให้ไป มิใช่ร้องขอ จึงเป็นเหตุที่มาแห่งความสุข ท่านจะรักและหวังดี กับใครกี่คนก็ได้ ไม่มีความผิดใด ๆ เลย
เพราะความรักคือความเมตตา อุ้มชูโลก เป็นอีกหนทางหนึ่ง ที่ใครซักคนจะพบพานกับความสุขที่แท้จริง
4. ลองปลูกต้นไม้ดูบ้างจะดีไหม มิใช่ปลูกเพื่อให้บ้านเรือนของท่านสวยงาม แต่ปลูกเพื่อให้โลกใบนี้น่าอยู่อาศัย
ปลูกให้นก ให้แมลง ให้สัตว์น้อยใหญ่ได้พึ่งพึง ท่านย่อมมีรอยยิ้ม เมื่อเห็นผู้อื่นมีชีวิตที่ดีงาม
5. หากเพื่อนรักของท่านประสบความสำเร็จ ขอท่านจงยินดีกับเขา แม้ท่านยังมิได้สำเร็จ แต่ความสำเร็จของเพื่อน ก็คือความสำเร็จของท่าน
แม้ไม่รู้จักกันกันเลย เราก็สามารถชื่นชมกันและกันได้ เห็นใครทำดี สนับสนุนให้กำลังใจเขา แล้วความสุขจะย้อนคืนกลับมา
6. ผ่านพ้นมาถึงวันนี้ก็เนิ่นนานแล้ว นานแค่ไหนแล้วที่ท่านได้ใช้ชีวิต ชีวิตซึ่งเป็นทั้งหมดทุกสิ่ง
มีรอยยิ้ม มีน้ำตา มีความเสียใจ และปีติเบิกบาน มันไม่มากเกินไปใช่ไหม ที่ท่านจะรู้สึกขอบคุณตนเองบ้าง
เราขอบคุณผู้คนมากมาย แต่แทบไม่เคยเลยที่จะขอบคุณตนเอง มันเป็นไปได้อย่างไร แต่มันก็เป็นไปแล้ว
เรากลายเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักสำนึกบุญคุณตนเอง น้อมใจกลับมากลางใจ
ขอบคุณนะที่ฉันยังเป็นฉัน ฉันสัญญาว่าจะดูแลตนเองให้ดีที่สุด ขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณ
7. ความโลภ โกรธ หลง คือไฟเผาเรือนใจความสุข กำลังยิ้มอยู่แท้ ๆ เมื่อกิเลสครอบงำ รอยยิ้มก็ซีดจาง
คลายมลายกลายเป็นซาก แล้วเราจะโลภ โกรธ หลง ไปเพื่ออะไร หรือเพื่อทุบทำลายความสุขสันติของตนเอง
เรามิใช่คนบ้าหรอกหรือที่ทำเช่นนั้น ใช่แล้ว.. ใช่แล้ว เราต่างเป็นคนบ้ากันทั้งโลก
ความบ้าคลั่งจึงกลายเป็นความปกติ ส่วนความปกติกลับกลายเป็นความแปลกประหลาด
การกลับสู่ความเป็นปกติอีกครั้ง เริ่มต้นด้วยการยอมรับว่า ฉันคือผู้ที่ไม่ปกติ
8. สุขทุกข์เป็นของคู่กัน แต่การรู้ทุกข์รู้สุข คือการไม่เข้าไปเป็นทั้งคู่ สุขแท้ ๆ มิใช่สุขเฉย ๆ
แต่เป็นสุขที่ว่าด้วยการอยู่เหนือสุขเหนือทุกข์ ความสุขเกิดมาก็ดับไป ความทุกข์เกิดมาก็ดับไป
ไม่มีอะไรเที่ยงแท้เลย รู้ว่าอะไร ๆ ก็ไม่เที่ยงแท้ นับได้ว่า เป็นต้นทางของสุขที่แท้จริง
9. เธอกำลังอ่านบทความที่ฉันเขียน ดังนั้นมันต้องมีอะไรสักอย่าง ที่ดึงดูด เชื่อมโยงเรามาพบกันผ่านตัวอักษร
บางทีอาจถึงเวลาแล้วก็ได้ ที่เธอจะแสวงหาคำตอบ คำตอบที่ว่าด้วยชีวิตและความสุข
ชีวิตคือทุกข์ หรือชีวิตคือสุข หรือชีวิตคือความเฉย ๆ เย็นชา หรือชีวิตคือสิ่งสมมุติ ไม่มีอยู่จริง
10. เพื่อนของข้าพเจ้า ได้โปรดจงมีความสุข โปรดมีความสุขทันที ที่นี่ เดี๋ยวนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว
จงตัดสินใจได้แล้วว่า จะใช้ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ ให้เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข มิใช่สุขจากภายนอก ทว่าเป็นสุขจากภายใน
มิใช่สุขที่มาจากบรรลุความคาดหวัง แต่เป็นสุขที่ปราศจากความคาดหวัง เรามิต้องนำกิเลสมาปรนเปรอตนเอง
เพื่อให้ได้มีความสุขหรอก เริ่มต้นกิเลส ต่อด้วยกิเลส ลงท้ายแล้วจะพบความสุขแท้ได้อย่างไร จงเริ่มทุกอย่างด้วยความรัก
ความศรัทธา ปัญญาและความหวัง จิตที่ดีงามนำมาซึ่งความสุข ขอท่านจงมีชีวิตที่ดีงามแล้วความสุขสันติ ย่อมปรากฏในเรือนใจ
สิ่งนี้คือของขวัญสำหรับผู้ฝึกใจของตนเอง
ที่มา พศิน อินทรวงค์