เราเข้าใจว่าพ่อแม่ทุกคนรักลูก และไม่อยากเห็นลูกต้องลำบาก จึงหาสิ่งดี ๆ ให้ลูก ถึงแม้ตัวเองลำบาก แต่ลูกจะต้องสบาย
บางครั้ง การที่เรารักลูกมาก จนทำให้ลูกไม่เคยพบความลำบากเลย มันอาจจะส่งผลกับลูกในอนาคต
วันนี้เราเลยมีข้อคิดดี ๆ ที่อยากฝากถึงคนที่เป็นพ่อเป็นแม่มาให้อ่าน
มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งว่า.. วัยรุ่นคนหนึ่ง ขอเงินแม่ไปเที่ยว แม่บอกว่า ลูกรู้ไหม สมัยแม่อายุเท่าลูก ไม่เคยเที่ยวที่ไหน ต้องทำงานทุกอย่าง
พับถุงกระดาษขาย ตัดใบตอง ขนไปส่งขายในตลาด แต่ละบาท แต่ละสตางค์ ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ
ลูกต้องรู้จักความลำบาก ไม่งั้นอีกหน่อย เกิดไม่มีแม่แล้วจะทำยังไง ซักผ้าเองยังไม่ได้ ขึ้นรถเมล์ก็ไม่เป็น
ใช้เงินอย่างนี้ จะเอาตัวรอดได้ยังไง เมื่อแม่เทศน์จบ ก็ควักเงินยื่นให้ลูก
นี่ไม่ใช่เรื่องแต่ง พ่อแม่จำนวนมากทำอย่างนี้ เมื่อลูกขอเงินไปเที่ยว จะพร่ำบ่นลูก และเล่าเรื่องเมื่อตนเผชิญความลำบากในสมัยก่อน
เล่าย้อนไปถึงชีวิตลำบาก ของตนในวัยเท่ากันแล้ว ปิดท้ายด้วยการให้เงินลูกไป คนหาเช้ากินค่ำสมัยก่อน
ไม่มีคำว่ามรดกในพจนานุกรมชีวิต ทุกอย่างในชีวิตต้องหามาเอง ทว่า คนรุ่นนี้เมื่อลืมตาอ้าปากได้ และเป็นพ่อแม่ มักจะทำให้ลูกเสียคนโดยไม่ตั้งใจ
พ่อแม่จำนวนมาก เก็บเงินเก็บทองไว้โดยไม่ยอมใช้ บอกว่าเก็บไว้ให้ลูก เหตุผลอาจเพราะ พ่อแม่ไม่อยากให้ลูกเจอความลำบากเหมือนตัวเอง
การเตรียมทุกอย่างให้ลูก เหมือนสะท้อนสิ่งที่ตัวเองอยากได้ในวัยเด็ก แต่มันกลับสร้างนิสัยไม่สู้งานหนักให้ลูกไปโดยปริยาย
ไม่มีเงินเป็นปัญหา มีเงินก็เป็นปัญหา บางครั้งการมีเงินมาก อาจทำให้เลี้ยงลูกยากขึ้น เงินก็เหมือนไขมันในร่างกาย
น้อยไปก็ไม่ดี มากไปก็อันตราย ในสังคมบูชาคนรวยและการรวยทางลัด การอบรมสั่งสอนลูกเดี๋ยวนี้ยากขึ้น
เพราะสิ่งเร้ารอบตัว ทางเดียวที่จะให้ลูกโตขึ้นแล้วยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ คือต้องสอนเรื่องวินัยการใช้เงิน และความอดทน
การรู้จักใช้ชีวิต และรับผิดชอบตัวเอง อย่าสร้างปัญหาแก่สังคม ไม่พอกพูนด้วยไขมันแห่งวัตถุนิยมมากเกินไป
พ่อแม่ต้องมองภาพกว้าง และมองให้ออกว่า หากให้มากเกินไปจะทำให้ลูกไม่รู้จักหามาด้วยตัวเอง หรือทำอะไรไม่เป็นเลยหรือเปล่า
กลายเป็นรอแต่แบมือขออย่างเดียว ความรักย่อมเป็นเรื่องดี แต่ต้องรักให้ถูกวิธีด้วย คนรวยที่ฉลาด
รู้ว่าการได้เงินเป็นเรื่องง่ายกว่าการใช้เงิน และคนที่ไม่รู้จักหาเงิน มักใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย คนที่รวยจากสมบัติ
ที่ได้มาง่าย ๆ จากมรดก อาจจะขาดความรู้สึกดี ๆ ของการสร้างตัวด้วยตัวเอง ขาดความภาคภูมิใจของการหามาได้
มีตัวอย่างจริงไม่น้อย ที่คนรวยแบ่งสมบัติครึ่งหนึ่งให้องค์กรการกุศล และที่เหลือให้ลูกหลาน เพื่อให้ลูก ๆ เรียนรู้ที่จะยืนด้วยตัวเอง
และสร้างมันขึ้นมาใหม่ มหาเศรษฐีลำดับต้น ๆ ของโลก อย่างวอร์เรนบัฟเฟตต์ บอกว่าลูก ๆ ของเขาจะต้องแผ้วถางทางของพวกเขาเอง
แน่นอน ลูก ๆ ของเขาก็รู้ว่า เขารอช่วยทุกอย่าง แต่ก็ต้องลงแรงทำงาน การให้เงินทองแก่ลูกหลาน ด้วยจำนวนที่มากพอสบายทั้งชีวิต
เพียงเพราะพวกเขาเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย เป็นเรื่องอันตราย เพราะการให้ อาจทำร้ายลูก ๆ ทางอ้อม
บัฟเฟตต์จึงให้มรดกแก่ลูกหลาน มากพอที่พวกเขารู้สึกว่า สามารถทำอะไรก็ได้ แต่ไม่มากพอที่พวกเขาไม่ต้องทำอะไรเลย
เราต้องสอนค่านิยมชื่นชมบุคคล ที่สร้างตนเองจากศูนย์ หาเงินอย่างสุจริต รู้คุณค่าของการทำงาน การสร้างตัว
สิ่งที่ควรให้ลูก ๆ มากกว่าเงิน ก็คือความเอาใจใส่ รับรู้กิจกรรมที่ลูกทำ เป็นเพื่อนกับลูก
นี่อาจเป็นสิ่งที่มีค่ากว่าการให้เงินอย่างเดียว ตามสุภาษิตที่ว่า สอนลูกจับปลา ไม่ใช่จับปลาให้ลูก