เย็นวันหนึ่งของการฝึกงานในรั้วมหาวิทยาลัย พวกเราพากันไปทานข้าวบ้านดอกเตอร์ที่เราไปฝึกงานด้วย
หลังจากทานข้าวเสร็จ พวกเราพากันเก็บถ้วยชาม หมายจะเข้าไปล้างในครัว แต่ดอกเตอร์กลับบอกพวกเราแบบยิ้ม ๆ ว่า
“ไม่ต้องหรอก มีคนรอล้างอยู่แล้ว”
จากนั้นดอกเตอร์ก็เอาจานชามเข้าไปวางที่ซิงค์ล้างจาน เปิดน้ำล้างคราบมัน และเศษอาหารที่ติดถ้วยชามออก
และแอบล้างทำความสะอาดไปกว่าครึ่ง จากนั้นก็เดินไปหาคุณแม่ที่อายุประมาณ 70 กว่า
“แม่ครับ ช่วยผมล้างชามหน่อยนะครับ”
พวกเราได้ฟังสิ่งที่ดอกเตอร์พูดกับคุณแม่ ถึงกับพากันอึ้ง แต่ภาพที่เห็นกลับทำให้พวกเราประหลาดใจ
เพราะตั้งแต่เราเข้ามา คุณแม่ของดอกเตอร์ดูเหมือนจะไม่ค่อยอะไรกับพวกเรานัก แต่พอดอกเตอร์พูดประโยคนั้น
ท่านกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที เหมือนเด็กน้อยที่ได้ยินเรื่องราวที่ตนเองชอบฟัง ท่านลุกจากที่นั่ง และเดินเข้าไปล้างชามในครัวทันที
ท่านใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการล้างถ้วยชามนั้น โดยมีดอกเตอร์คอยพูดคุยหยอกเย้าคุณแม่อยู่ข้าง ๆ
“ขอบคุณครับแม่ แม่พักผ่อนได้แล้วนะครับ” ดอกเตอร์พูดพร้อมกับส่งผ้าเช็ดมือให้คุณแม่ แล้วก็พาคุณแม่เข้าไปส่งที่ห้องนอน
ดอกเตอร์เข้ามาคุยกับพวกเราว่า
“คนที่เป็นพ่อแม่ ไม่มีใครหรอกที่ไม่อยากทำอะไรให้กับลูก ๆ แม้เราจะอายุมากขึ้นยังไง แต่ในสายตาของท่าน
พวกเราก็ยังเป็นเด็กสำหรับท่านเสมอ ท่านยังอยากให้ลูก ๆ ขอความช่วยเหลืออยู่ ที่ผมให้คุณแม่ล้างชามก็เพราะเหตุนี้
ให้ท่านรู้สึกว่า เรายังต้องการให้ท่านช่วย ท่านยังมีความสำคัญกับเราอยู่ แม่ผมอยู่บ้านเฉย ๆ ทั้งวัน ท่านก็เบื่อมากพอแล้ว
ท่านรอที่จะได้ล้างชาม แค่นี้ท่านก็รู้สึกสุขใจ พวกคุณจำไว้นะ ความกตัญญูนั้น นอกจากจะดูแลปรนนิบัติท่านแล้ว
ต้องทำให้ท่านรู้สึกว่า ท่านยังเป็นคนสำคัญในชีวิตของเราอยู่เสมอ”
อย่าเอ่ยอ้างว่าเพราะรักแม่ จึงให้แม่เป็นคนล้างชามให้
แต่เพราะอยากให้แม่รู้ว่า ท่านยังมีความสำคัญต่อเรา เราจึงขอแม่ให้ช่วยล้างชาม
แม่ลูกผูกพัน ใจแม่นั้นรู้สึกอบอุ่น อย่างน้อย.. แม่ก็ยังได้ช่วยลูก
ที่มา นุสนธิ์บุคส์