ชีวิตคนเราก็มีแค่นี้ ความจริงของชีวิต เวลาไปงานศพกลับมา หรือเห็นข่าวคนต ายทุกวี่ทุกวัน
เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็กลัว คนที่ตัวเองรัก..อยากให้มีอายุยืน คนที่ตัวเองเกลียด..กลับอยากให้เขาต าย
แต่ความจริงแล้ว จะรักหรือเกลียด ก็ต้องต ายจากกัน
ถ้าถึงวันนั้น เมื่อวันที่ฉันได้จากโลกนี้ไป
คนที่แค้นฉันพากันร้องรำทำเพลง หัวเราะดีใจ ..คนที่รักฉันพากันร้องไห้ระงม
วันที่ฝังร่างของฉัน คนที่แค้นฉันมองไปที่หลุมศพ แล้วยิ้มเย้ยฉันที่มุมปาก
คนที่รักฉันได้แต่เบือนหน้าหนี เพราะไม่อยากเห็นร่างของฉัน ที่กำลังจะถูกดินกลบไป
หนึ่งปีผ่านไป.. ฉันเหลือแต่โครงกระดูก หลุมศพถูกพายุ ถูกลมฝนซัดสาด
และคนที่แค้นฉัน นาน ๆ พูดถึงฉันที พูดทีไรเขาก็รู้สึกนึกชิงชังฉันอยู่เนือง ๆ
ส่วนคนที่รักฉัน ไม่รู้จะบอกความในใจกับผู้ใด ก็ได้แต่ร้องไห้ในค่ำคืนนั้น
เมื่อสิบปีให้หลัง.. คนที่แค้นฉัน พอจะจำชื่อฉันได้ แต่แทบจะจำใบหน้าฉันไม่ได้เลย
และคนที่รักฉัน เมื่อไหร่ที่นึกถึงฉัน พวกเขาก็พากันนิ่งเงียบไปสักพัก
หลายสิบปีผ่านไป.. ผ่านไปนานมาก หลุมศพของฉันยังคงถูกลมฝน พายุซัดกระหน่ำไม่เคยเปลี่ยน
ส่วนคนที่แค้นฉัน ร่างของเขาก็ถูกฝังลงในป่าช้าเดียวกันกับฉันนี่แหละ คนที่รักฉันก็ถูกฝังไว้ในป่าช้าเดียวกับฉัน
ฉันกลายเป็นความว่างเปล่าของโลกนี้ หามาทั้งชีวิต แม้แต่ต้นหญ้าเพียงต้นเดียว ฉันก็เอาติดตัวไปด้วยไม่ได้เลย
แม้จะแก่งแย่งช่วงชิงกันไป เมื่อยามอนิจจังมาเยือน ทุกสิ่งล้วนว่างเปล่าเสมอ
ควรสั่งสมคุณธรรมความดีไว้บ้าง เมื่อถึงเวลาไป คนข้างหลังจะได้ระลึกหา
ให้เสบียงในภพหน้าไม่ขาดพร่อง เพราะหากถึงเวลานั้น อยากทำอะไรก็สายไปเสียแล้ว
ตราบที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ชีวิตมันต้องดีขึ้นแน่
ขอให้เราอดทน อยู่ให้ได้ และหมั่นทำแต่ความดีไว้เท่านั้นเอง
ที่มา meokayna